วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูฮ๋อง สูตร 1


เมนูอาหารที่ทำมาจาก"หมูสามชั้น" บางท่านอาจะไม่ค่อยโปรดปรานนัก แต่มีอาหารที่ปรุงมาจากหมูส่วนของ สามชั้น ที่เป็นที่นิยมของชาวบ้านท้องถิ่น ในแถบพังงาและภูเก็ต เรียกกันว่า "หมูฮ้อง"
คือการนำ"หมูสามชั้นู มาหมักและเคี่ยวกับซีอิ๊วดำ น้ำตาล สมุนไพรจีน จนได้อาหารที่มีกลิ่นหอม รสกลมกล่อม ที่รับประทานแนมได้ทั้งกับข้าวสวยและข้าวต้ม
ใช้เนื้อหมู ส่วนของ"สามชั้น" มาชิ้นนึงก็พอ นำของแหลมๆ มาทิ่มๆๆ ให้เป็นรูทั่วทั้งชิ้นหมู เพื่อเวลาหมัก น้ำปรุงรสจะได้ซึมแทรกไปในชิ้นหมูอย่างทั่วถึง


เตรียมโป๊ยกั๊ก,กระเทียมไทยหัวเล็ก,พริกไทยเม็ดดำ



หั่นหมูสามชั้น เป็นชิ้นๆ หนาประมาณหนึ่งนิ้ว กำลังเหมาะสมกับการกิน นำลงถ้วยผสม เอาน้ำตาลทรายลง จะใช้น้ำตาลทรายแดงก็ได้




นำโป๊ยกั๊ก กระเทียม พริกไทย ลงคลุก พร้อมทั้งใช้ซีอิ๊วดำ หรือแบบซีอิ๊วดำหวาน ก็ได้ เหยาะลงพอสมควร ทำการคลุกเคล้า หมักนวดไว้สักพัก สิบนาทีก็ได้ (ยิ่งหมักนานข้ามวัน ก็ยิ่งดี)


นำลงกระทะ หรือหม้อก็ได้ เติมน้ำสะอาดอีกหน่อย ให้ท่วม ใช้ไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อยๆ


จนงวด เบาไฟจนงวดแห้ง หอมซะ!


เสร็จแล้วครับ สีสัน หน้าตา"หมูฮ้อง" เป็นเช่นนี้ บางท่านอาจจะเคยชิมลิ้มลอง กันแถบจ.พังงา ภูเก็ต แต่จะลองทำกินเองแบบนี้อ่ะ ก็ไม่ยากครับ เน้นรสหวานนำ หอมโปยกั๊กและซีอิ๊ว ซึ่งควรใช้ซีอิ๊วจากโรงงานท้องถิ่น จะหอมมากกว่าซ๊อสฯครับ

 

หมูหวาน สูตร 1


วิธีทําหมูหวาน : อาหารง่ายที่ทานเป็นเครื่องเคียงกับข้าวคลุกกะปิ หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียวได้ตามชอบ รสชาติจะไม่หวานจนแสบไส้และไม่เค็มจนสุดโต่ง ที่สำคัญคือรับประทานง่ายไม่หกเลอะเทอะ ระหว่างการเดินทาง หมูหวาน มีวิธีการทำที่ไม่ยากค่ะ มาเริ่มวิธีทำหมูหวานกันเลยค่ะ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1. หมูสามชั้น 200 กรัม
2. น้ำเปล่า 100 มล.
3. หอมแดงปอกเปลือก 6 หัว
4. น้ำมันถั่วเหลืองประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลปี๊ป 100 กรัม (หรือปริมาณตามรสชาตที่ถูกปาก)
6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนและวิธีทําหมูหวาน1. ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเนื้อหมูสามชั้น หนา 1 ซม. ยาว 1 นิ้ว (โดยประมาณ) หรือขนาดพอดีคำ
2. ซอยหอมแดงเป็นแว่นๆเตรียมไว้
3. นำหอมแดงลงผัดกับน้ำมันให้หอม จากนั้นเติมเนื้อหมูลงผัดให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง และเติมน้ำเปล่าลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดฝาไว้ 10 นาที
5. เมื่อน้ำเริ่มแห้งค่อยเติมน้ำตาลปี๊ปลงไป ผัดจนน้ำตาลปี๊ปละลายจนหมด พร้อมเสิร์ฟ
** หมายเหตุ
เหตุที่รอใส่น้ำตาลในขั้นตอนที่หมูนุ่มแล้วก็เพราะว่าถ้าใส่น้ำตาลก่อน น้ำตาลจะไปรัดเนื้อหมูทำให้หมูแข็ง แล้วหมูหวานเนื้อจะไม่นุ่มยังไงละคะ

ขอขอขคุณ
http://www.mythaimenu.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99/

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูกรอบ สูตร 1

หมูกรอบ จัดเป็นอาหารที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และ ใช้เวลาในการทำ

ทำหลายครั้งแล้ว ผลก็ออกมาดีบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง

แต่ก็ยังชอบทำอยู่ พยายามค้นหาสูตรต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพราะ ชอบทานหมูกรอบมาก

ตอนหลังไปทานตามร้านอาหารหมูกรอบก็มีราคาสูงขึ้นมาก

เลยพยายามหาสูตรทำหมูกรอบแบบง่ายๆ เร็ว เพราะต้องการทำช่วงเช้าเพื่อทานมื้อเที่ยง

หมูกรอบมีกรรมวิธีการทำอยู่หลายแบบ

- แบบย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นหมูกรอบของร้านเป็ดย่าง
- ย่าง ทอด นำหมูไปย่างก่อน แล้วค่อยไปทอดให้หนังพองกรอบ
- ต้ม ย่าง ทอด นำหมูไปต้มให้หนังนิ่มก่อน นำไปย่างให้หมูสุก แล้ว ค่อยไปทอดให้หนังพองกรอบ
- ต้ม ทอด ต้มหมูให้สุก นิ่ม แล้วไปผึ่งให้หนังหมูแห้ง นำไปทอด เป็นหมูกรอบของร้าน ก๋วยจั๊บ และ หมูกรอบเป็นชิ้นๆ ที่ไว้ปรุงอาหาร พวก ผัดผักใส่หมูกรอบ เป็นต้น

หมูกรอบที่อร่อยต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้
1. สำคัญที่สุด คือ หนังหมูต้องพอง กรอบ และ คงความกรอบไว้ได้ด้วย ไม่ใช่พอทำหมูกรอบสุกแล้ว หนังหมูจะกรอบอยู่เดี๋ยวเดียว
2. เนื้อหมู โดยเฉพาะเนื้อแดง ต้องนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง หมูกรอบเป็นชิ้นๆ ตามร้านข้าวต้ม ร้านอาหารตามสั่งทั้งหลาย ที่นำไปใส่ผัดผัก
เช่น คะน้าหมูกรอบ หมูกรอบกลุ่มนี้ เนื้อแดงจะแข็งมาก เกิดจากการทอดหมูที่ใช้เวลานานเกินไป

เมื่อต้องการให้หมูกรอบหนังกรอบ ดังนั้น ต้องทำให้หนังหมูสุก แห้ง ถึงนำไปย่าง/ทอด ให้หนังหมูพองกรอบ
กระบวนการทำให้หนังหมูแห้ง อาจจะใช้เวลานาน โดยการนำไปผึ่งให้แห้ง อาจจะผึ่งไว้ในตู้เย็น 1 คืน เพราะในตู้เย็นความชื้นต่ำ

เลยลองหาวิธีทำหมูกรอบให้ได้ในเวลาสั้น ประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะว่า อยากจะทำตอน 9 โมงเช้า เสร็จตอนเที่ยง จะได้ทานเป็นอาหารเที่ยงในวันอาทิตย์ วันพักผ่อน

1. หาหมูสามชั้นชิ้นที่หนังหนา
2. ตัดเป็นชิ้นกว้างประมาณ 3 นิ้ว (7 - 8 ซ.ม.) เพื่อที่ว่า จะได้ใช้คีมคีบเวลาทอดหนังหมูให้พอง
3. นำหมูสามชั้นไปต้มในน้ำเดือด แล้วหรี่เป็นไฟอ่อน ประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อให้หนังหมูสุก นิ่ม ทำให้ใช้ส้อมหรือเหล็กแทงหนังหมูได้สะดวก
การแทงหนังหมูก็จะให้ตอนทอด หนังหมูจะพองสวยงาม กรอบ
4. เอาเกลือ (และน้ำส้มสายชู) ทำที่หนังหมูเพื่อไล่ความชื้นและทำให้หนังหมูตึง
5. เอาเกลือ หรือเครื่องเทศอื่นๆ ทาที่เนื้อหมู
6. นำไปอบในเตาอบอุณหภูมิ 100 องศา C เอาด้านหนังหมูขึ้น เพื่อให้หนังหมูแห้ง
7. เร่งไฟในเตาอบเป็น 220 องศา C อบให้หนังหมูสุก 30 นาที
8. หรี่ไฟเป็น 180 องศา C อบต่ออีก 30 นาที ตอนนี้ เนื้อหมูจะสุก นิ่ม เนื้อแดงก็นิ่ม ไม่แข็งกระด้าง
9. เอาคีมจับหมูที่อบแล้ว นำไปทอดเฉพาะ หนังเท่านั้น หนังจะพอง กรอบ ใช้น้ำมันทอดนิดเดียว พอให้ท่วมหนังหมูเท่านั้น

จะได้หมูกรอบ หนังกรอบ เนื้อนิ่ม ในเวลาสั้นๆ


หมูสามชั้น 9 ขีด แบ่งเป็น 3 ชิ้น


นำไปต้มในน้ำเดือด แล้วหรี่ไฟ 20 นาที เพื่อให้หนังหมูนิ่ม


หมูที่ต้มแล้ว


เอาเหล็กทิ่มหนังหมู หรือ ใช้ซ่อม ทิ่มหนังให้ทั่ว เพื่อที่เวลาทอด หนังหมูจะพอง กรอบ


เอาเกลือทาที่หนังหมูและเนื้อหมูให้ทั่ว หรือ จะใช้เครื่องเทศอื่นทาที่เนื้อหมู สำหรับหนังหมูอาจจะใช้น้ำส้มสายชูทาที่หนังหมูด้วย จุดประสงค๋เพื่อให้หนังหมูแห้ง

หมูที่ทาเหลือแล้ว ต้องทำให้ผิวแห้ง (อาจจะนำไปใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน ใช้พัดลมเป่า หรือใช้เตาอบ)


นำหมูที่ทาเกลือแล้วไป อบที่อุณหภูมิ 100 C


อบไปประมาณ 30 นาที หนังหมูจะแห้ง


นำไปอบต่อที่อุณหภูมิ 220 C 30 นาที แล้วหรี่อุณหภูมิเป็น 180 C อีก 30 นาที

เนื้อหมูสุก นิ่ม หนังหมูสุก แห้ง พร้อมที่จะไปทอดให้หนังพอง กรอบ (ถ้าหนังไม่แห้งทอดจะไม่พอง)


ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน ปริมาณน้ำมันไม่ต้องเยอะ กะให้ท่วมหนังเท่านั้น
ถ้าหมูชิ้นใหญ่ต้องใช้น้ำมันเยอะ
ทอดใช้ไฟแรง ตอนแรกใช้คีมคีบหมูกะให้น้ำมันท่วมหนังเท่านั้น ประมาณ 1 - 2 นาที หนังจะพอง ฟู กรอบ


หมูกรอบ หนังหมูพอง ฟู กรอบ












ขอขอบคุณhttp://pantip.com/topic/30403918

หมูทอดกระเทียม ไสตล์ thaifoodalacarte

ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่ดาว
หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
ส่วนผสมที่ใช้ทำ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
- เนื้อหมูสันนอก หรือเนื้อหมูติดมัน 500 กรัม
- กระเทียมปอกเปลือก 1 หัว
- พริกไทยเม็ด 20 เม็ด
- รากผักชี 3ราก
- ซีอิ๊วขาว1ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช
- ผักชี
- แตงกวา
- ข้าวสวย 1 จาน
ขั้นตอนและวิธีทำการทำ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
1. ล้างหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นไม่หนามาก ลักษณะยาวสักหน่อย
2. โขลกกระเทียมกับรากผักชี พริกไทยให้เข้ากันละเอียดเนื้อ
นำกระเทียมกับราผักชีและพริกไทยที่โคลกกันไว้เมื่อครู่นำมาเคล้ากับหมูที่เตรียมไว้ให้ทั่วเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ซีอิ๊วขาวลงไปเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 30 นาที
3. นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน รอน้ำมันร้อนจนได้ทีและเตรียมหมูที่หมักไว้ ใส่ลงไปในกระทะ ดูจนเนื้อจนเหลืองสุก นำหมูขึ้นจากน้ำมัน รอให้สเด็ดน้ำมัน
4. พอแห้งแล้วจัดใส่จานข้าวสวยที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยผักชี และแตงกวา แก้เลี่ยน พร้อมเสิรฟจ๊ะ

ขอขอบคุณ http://www.thaifoodcookbook.net/thaifoodrecipes_th/thaifoodalacarte/thaifood_friedporkgarlicpepper.html

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูทอดกระเทียมพริกไทยสูตร บอล1

 
หมูทอดกระเทียมพริกไทยสูตรที่ทอดเมื่อไหร่หอมกระจายไปสิบบ้าน อิอิ
 
หมูทอดกระเทียมพริกไทย สูตรที่ไม่มีใครบอกเคล็ดลับขนาดนี้ ไม่อร่อยตามมาจัดการคนเขียนได้เลยค่ะ
(แล้วจะรู้ไหมเนี่ยตัวอยู่ไหน โม้เปล่าเนี่ย อร่อย ไม่อร่อย ไม่รู้ ต้องไปลองทำดูนะตัวเอง
)
งานนี้ผงเปื่อยผงนุ่มผงชูรสผงฟูทั้งหลายไม่ต้องหาได้จากของใกล้ตัวก็ใช้ได้แล้ว
1.เลือกใช้เนื้อหมูส่วนที่นิ่ม อาจเป็นสันคอ สันใน สะโพก หรือส่วนที่มีมันแทรกบ้างก็ได้ จริงๆหมูตรงไหนก็ได้มั๊ง สักครึ่งกิโล
2.หั่นหมูตามขวางกว้างไม่ถึงเซ็นติเมตร แล้วใช้ปังตอตบเนื้อหมูให้สลายตัวหน่อยหรือใช้ที่ทุบเนื้อทุบๆพอประมาณเพื่อให้เนื้อนุ่มขึ้น หั่นชิ้นกว้างก่อนก็ได้เวลาทอดแล้วค่อยหั่นชิ้นเล็ก
3.กระเทียมสักสองจุก แกะเปลือกแข็งทิ้งไป ตำกับรากผักชีหนึ่งมัด (ประมาณสิบบาทซื้อเจ้าที่เขามีตัดขายแต่รากจะได้ไม่เหลือทิ้งใบ) แล้วตักขึ้น
4.พริกไทยเม็ดหนึ่งถึงสองช้อนโต๊ะแล้วแต่ให้เผ็ด เอาแบบเม็ดไม่ขาวมากมาตำเอง พอละเอียดก็ตำรวมกับกระเทียมรากผักชี
5.น้ำตาลปี๊บ สองช้อนโต๊ะพูนๆ ละลายเข้ากับน้ำมันหอย 4 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยซี่อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซ้อสภูเขาฝาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชาแบนๆ
6.นมสดจืด 1 กล่อง หรือ 1 ถุงพาสเจอร์ไรท์ ก็ได้ มาผสมกับพวกน้ำในข้อ 5 ชิมดูให้ออกรสจนพอใจ
7.นำทุกส่วนผสมมาคลุกเคล้าหมูลงไป บีบๆเนื้้อหมูให้น่วมนิดนึง ใส่สีด้วยซี่อิ๊วหวานดำสักเล็กน้อยก็พอเพราะทอดแล้วจะดำขึ้นอีกนิด ถ้าหากลักษณะเนื้อหมูค่อนข้างเปื่อยอยู่แล้วก็ไม่ต้องผสมแป้งมัน แต่หากเป็นชิ้นเนื้อที่แข็งหน่อยไม่ติดมัน ก็ผสมแป้งมันสักสองช้อนโต๊ะพูนๆ หมักทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง ไม่ต้องเข้าช่องฟรีส
8.ข้อนี้แล้วแต่คนชอบ ถ้าชอบกลิ่นน้ำมันงา ก็ผสมลงไปสักครึ่งช้อนโต๊ะ ค่ะ
หัวใจของความอร่อย อยู่ข้อต่อไปนี้ การทอด ย้ำ การทอด
ถ้าใช้กระทะเทฟล่อนได้ก็ดีค่ะ ใส่น้ำมันลงไปกะว่าให้ท่วมชิ้นเนื้อหมูพอปริ่มๆ ถ้าไม่ท่วมจะมีอาการกระเด็นจากส่วนผสมนมเกิดขึ้น และอีกอย่างการให้น้ำมันท่วมเนื้อหมูเพื่อความระอุเข้าเนื้อและมีส่วนอย่างมากต่อผลของความนุ่ม การใช้ไฟให้ใช้ไฟเบาที่สุดเรียกว่าเกือบดับแต่ให้เปลวนิ่งคงที่ ถ้าอยู่ในที่มีลมก็หาอะไรบังเตาสักหน่อย และใส่เนื้อหมูตอนน้ำมันเริ่มอุ่นๆหรือก่อนที่น้ำมันจะร้อนจนนิ้วแตะไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการทอดรอบสองก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตักเศษเครื่องที่ติดกระทะออกบ้างเท่านั้น ค่อยๆใจเย็นๆทอดทิ้งไว้จนข้างหนึ่งสุกมีสีสวย ก็กลับอีกข้าง เสียงน้ำมันที่ออกมาจะค่อนข้างเงียบเหมือนค่อยๆต้ม ถ้าลงแต่แรกแล้วออกดัง ฉ่า แสดงว่าหมูอาจกระด้างเล็กน้อยแล้ว และจะเกิดสะเก็ดไหม้เร็วขึ้นทำให้หมูไม่สวย พอสุกตักหมูสะเด็ดน้ำมันออกด้วยกระชอน ทิชชู่วางใต้กระชอน อย่าวางหมูบนทิชชู่เด็ดขาด แล้วนำมาหั่นชิ้นพอคำ ควรทานกับผักลวกด้วยเป็นผักเคียง จะได้มีไฟเบอร์คลุกเคล้า ไม่ลำบากตอนขับถ่าย เพราะอร่อยอย่างนี้ ท่าทางจะต้องทานเยอะแน่ จึงควรมีผักเคียง แล้วถ้ามีพริกขี้หนูน้ำปลามะนาว สักถ้วย เสริฟกับข้าวสวยร้อนๆ นะ อืมมม เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม หมูนุ่มๆ ฉ่ำๆด้วยเครื่องพริกไทย
ทั้งหมดนี้ จริงๆแล้วผู้เขียนเวลาทำจะไม่ได้ตวงเป็นช้อนๆเท่าไหร่หรอกค่ะแต่จะกะด้วยสายตา น้ำหนักมือ แต่ก็ประมาณด้วยสัดส่วนนั้น หากบางคนอาจว่ามันหวานไป เค็มไป จืดไป ก็ไปลดเพิ่มสัดส่วนต่างๆได้ เพราะนั่นเป็นความชอบแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญอยากให้ออกมานุ่มๆลิ้น ไม่กระด้างเหมือนกินกระดาษแข็ง ผู้เขียนใช้นมและแป้งมันเป็นตัวหมักที่ช่วยทำให้เกิดความนุ่มหอมมันและช่วยให้หน้าตาหมูออกมาดูฉ่ำๆด้วย และการทุบเนื้อหมูให้น่วมๆก็จะทำให้นุ่มขึ้นด้วย แต่ถ้าหมักด้วยนม การที่จะนำหมูเดินทางไปไหนหรือไม่ได้อยู่ในตู้เย็นเป็นชั่วโมงๆ อากาศร้อนแบบนี้ควรแช่ลังน้ำแข็งไว้ระหว่างเดินทางจะดีกว่าไม่งั้นอาจบูดได้ หรือถ้าทอดไม่หมด ที่เหลือถ้าคิดว่าจะทานต่อในวันถัดมาก็แช่ช่องธรรมดาได้ แต่ถ้าคิดว่าจะยังไม่ทานในวันต่อไปควรแช่ช่องฟรีสเลยไม่ใช่ช่องธรรมดา