วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หมูตุ๋น สูตรโบราณ 1

   หมูตุ๋น

สูตร หมูตุ๋น นะคะ

1)หมู 3 ปอนด์ หรือ 1กิโลครึ่ง ไม่ต้องหั่นต้มไปทั้งก้อน

2)ใช้แบบ ตุ๋น 5 พลัง= อบเชย 1 แง่ง, โป๊ยกั๊ก 2 ดอก ,กระเทียม 5 กลีบใหญ่ ,พริกไทย บุบ 2 ชต., ขิงทุบ 1 แง่ง ค่ะ
(ถ้ามี ลูกตะกร้อสำหรับHerb ก็ใช้นะคะ ถ้าไม่มีไม่เป็นไร ต้มเสร็จแล้วค่อยกรองเอาอีกที)

3)เครื่องปรุงน้ำซุป
น้ำสะอาด ต้องท่วม หมู
หอมหัวใหญ่ 1 หัว ปอกเปลือก ต้มทั้งหัว ไม่ต้องหั่น
สูตรนี้ไม่ใช้น้ำปลานะคะ เขาว่ามันคาวน่ะค่ะ ใช้ซีอิ๊วขาว, ซอสแมกกี้, วูซเตอร์ซอส ,เกลือ 1 ช้อนชา

4)ส่วนเพิ่มซุป จะใช้ก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องปวดหัวไปคิดมัน มี เห็ดหอมสด หรือ เห็ดหอมแห้งแช่น้ำตัดก้าน พอควร

วิธีทำ
รวมส่วนผสม 1) +2) +3) เข้าด้วยกัน ใส่น้ำพอท่วม ตุ๋นไปในหม้อตุ๋นประมาณ 6 ชม หรือจนเปื่อย

ถ้า ไม่มีหม้อตุ๋น ใช้หม้อธรรมดา ต้มครั้งแรกพอเดือด แล้วช้อนฟองทิ้ง เบาไฟต้มรุม ๆ ไป 1 ชม. ปิดเตา พอเย็นต้มไฟรุม ๆ ใหม่ ไปซัก 3-4 ครั้ง ก็จะเปื่อยแล้วค่ะ

ระหว่างต้ม/ตุ๋น ได้ประมาณ ครึ่งช่วง ให้ใส่เห็ดหอมไป มันจะได้เปื่อยพร้อมกันและหอมอร่อยดี

ระหว่างต้มก็คอยดมกลิ่นเครื่องเทศด้วยนะคะ บางทีกลิ่นมันจะแรงเกินไป ก้ช้อนเครื่องเทศออกซะบ้างได้เลย
ถ้าหอมหัวใหญ่ทั้งหัวที่เราต้มไปด้วยมันฉ่ำน้ำที่ต้มแล้ว ก็ช้อนทิ้ง(ทั้งหัว) ไปเลยค่ะ

เอาหมู ฯ ตุ๋น ที่ได้ที่แล้ว ทั้งหม้อใส่ตู้เย็นสัก 3 ชม. ช้อนไขมันที่ลอยออกทิ้งไป
เอา หมู มาหั่นชิ้นหนาๆ หั่นตามขวางเส้นเนื้อสัตว์
น้ำซุป ให้นำมากรอง หรือช้อนเครื่องเทศออกให้หมด นำไปตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง

นำ ไปเป็นน้ำซุปทำก๋วยเตี๋ยวได้ตามสะดวก ค่ะ เพิ่ม หมูสดลวก ตับลวก เหมือนก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ฯลฯ ตุ๋นเลยล่ะค่ะ ถ้าจะให้เป็นแบบตุ๋นยาจีนให้ใส่เก๋ากี๊ไปเวลาก่อนจะยกลง ต้มซัก 3 นาที

และสามารถเซฟไว้โดยแช่แข็งไว้ก็จะไม่เสียรสชาด ถ้าน้ำซุปแห้งก็เติมซอสปรุงรสไปได้ และยังอร่อยอยู่

วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หมูสะเต๊ะ

วิธีทำหมูสะเต๊ะ
เครื่องปรุงและส่วนผสมหมูสะเต๊ะ
  1. เนื้อหมูนำมาแล่เป็นชิ้น (ขนาดประมาณ ขนาด 2 x 6 ซม.) 500 กรัม
  2. (แนะนำให้ใช้เป็นหมูสันนอกหรือเนื้อหมูส่วนสะโพก…หากเป็นเนื้อหมูรุ่นจะดีมาก เพราะเนื้อหมูจะนุ่ม)
  3. ลูกผักชีคั่วให้หอม 1 ½ ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ครับ…ถ้าใส่จะหอมดี)
  4. ลูกยี่หร่าคั่วให้หอม ½ ช้อนโต๊ะ
  5. ข่าสับพอหยาบๆ 1 ช้อนชา
  6. ตะไคร้ซอย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  7. หัวกะทิ ½ ถ้วย
  8. ผงขมิ้น 1 ช้อนขา (ถ้ากลัวไม่เหลืองให้ใส่เพิ่มได้ แล้วแต่ชอบ)
  9. ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
  10. น้ำตาลทรายนวล 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทดำป่น 1/2 ช้อนชา (ถ้าไม่มีใช้พริกไทขาวแทนก็ได้)
  12. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  13. ไม้เสียบหมูสะเต๊ะ
  14. ผงฟู ½ ช้อนชา หรือน้ำสัปปะรด 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้…เพื่อให้เนื้อหมูนุ่มๆเด้งๆ)
เครื่องปรุงน้ำกระทิพรมหมูสะเต๊ะ
  1. หัวกะทิ 1 ถ้วย
  2. นมสด หรือนมสดตราคาร์เนชั่น/ตรานกเหยี่ยว 1 ถ้วย
วิธีทำ: นำหัวกระทิและนมสดมาผสมให้เข้ากัน ทำไว้สำหรับพรมสะเต๊ะขณะย่าง ที่ทำแปรงพรมด้วยใบเตยฉีก


วิธีทำหมูสะเต๊ะ
  1. โขลก ลูกผักชีคั่ว ลูกยี่หร่าคั่ว จนละเอียด จากนั้นใส่ข่า ตะไคร้ โขลกให้เข้ากันจนละเอียดดีแล้ว
  2. นำเครื่องที่โขลกใส่ลงไปในอ่างเนื้อหมู…(จากข้อ 1) จากนั้นก็ใส่น้ำตาล หัวกระทิ ผงขมิ้น ผงกะหรี่ พริกไทป่น ผงฟู เกลือป่น และน้ำตาลทราย คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันดี ด้วยการคลุกเคล้าขยำๆเบาๆ ควรนวดนานๆ เพื่อให้เครื่องหมักซึมเข้าเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น
  3. จากนั้นนำหมูไปใส่กล่องพลาติก นำไปแช่ในตู้เย็นช่องแข็ง แล้วหมักทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง หรือจะหมักข้ามคืนก็ได้ยิ่งดี (การแช่ใว้ในความเย็นนานๆ…จะทำให้น้ำหมักหมูดูดซึมเข้าไปในเนื้อมาก…จะทำให้เนื้อหมูนุ่มดีค่ะ)
  4. เมื่อครบ 3 ชั่วโมงแล้ว นำมาเสียบไม้พักไว้ในตู้เย็น จนกระทั่งจะปิ้ง หรือ ถ้ายังไม่ทานให้ห่อให้สนิทแล้วนำเข้าแช่ในช่องแข็ง แล้วจึงนำออกมาพักในตู้เย็นช่องธรรมดาจนอ่อนตัวลง…แล้วจึงค่อยนำไปปิ้ง
  5. วิธีย่างหมูสะเต๊ะ คือ ก่อนที่จะอย่างหมูสะเต๊ะ ให้นำหมูที่เสียบไม้แล้วนำมาชุบในน้ำพรมหมูสะเต๊ะที่เตรียมไว้ แล้วจึงนำไปอย่างด้วยไฟปานกลาง (ห้ามใช้ไฟอ่อน หมูจะแข็งไม่อร่อย) แล้วขณะที่ย่างให้พรมน้ำกระทิ(ที่เตรียมไว้) ลงบนหมูสะเต๊ะขณะปิ้งเล็กน้อย และหมั่นพลิกหมูบ่อยๆ ให้สุกทั่วกัน ควรย่างให้พอสุกจะได้สะเต๊ะหมูเนื้อนุ่มละมุน (ถ้าย่างนานเกินไปเนื้อจะแห้งหยาบไม่อร่อย) และควรย่างกับเตาถ่านหรือเตาบาบีคิวจะได้กลิ่นหอมอร่อยมากยิ่งขึ้น
  6. จัดหมูสะเต๊ะใส่จานเสิร์ฟ พร้อมกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและอาจาด หรือจะทำขนมปังปิ้งร้อนๆ ด้วยก็ยิ่งอิ่มอร่อยมากขึ้น



แนะนำเพิ่มเติม
  • ควรใช้เวลาที่เครื่องหมักหมูอย่างต่ำต้อง 3-5 ชม. ถ้าหมักค้างคืนได้จะยิ่งดี
  • อีกเคล็ดลับของร้านหมูสะเต๊ะชื่อดังคือ การหมักหมูที่ต้องแช่ในถังน้ำแข็งที่ใช้เป็นนำแข็งป่นเท่านั้น ห้ามแช่ช่องฟรีซเด็ดขาด (ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้เนื้อหมูนุ่มยิ่งขึ้น และน้ำหมักดูดซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น) …ยังไงถ้ามีโอกาสลองนำไปทำดูนะครับ
  • สูตรนี้นอกจากใช้ทำหมูสะเต๊ะแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ทำเนื้อสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะได้ด้วย
  • หมูสะเต๊ะเวลาเสียบไม้ ให้เสียบแบบงูเลื้อยจะดี เนื่องจากเวลาปิ้งออกมาจะดูน่าทาน
  • หมูต้องมีติดมันหน่อยก็จะดี เพราะไม่งั้นปิ้งออกมาจะดูไม่งาม
  • ก่อนที่จะนำไม้หมูสะเต๊ะมาใช้…ควรนำไปแช่น้ำอย่างน้อยซัก 30 นาที หรือแช่น้ำค้างคืนไว้ก่อนยิ่งดี เพื่อไม่ให้ไม้ไหม้หรือดำขณะย่าง และจะทำให้เสียบง่ายขึ้น

อาจาด (สูตรอร่อยเข้มข้นกำลังดี)
สำหรับน้ำจิ้มอาจาดรสอร่อยกำลังดีนั้น รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ ตัดด้วยรสหวานและเค็มนิดๆ พร้อมด้วยกลิ่นหอมๆ จากหอมแดง และสีสันจากผักและพริกที่ใส่ลงไป น้ำจิ้มใสๆข้นนิดๆ น่ากินนักเชียว แถมวิธีทำก็ไม่ยาก…สามารถอร่อยได้ง่ายๆกับสูตรดังนี้


เครื่องปรุงและส่วนประกอบ
- น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
- น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย (+ 2 ช้อนโต๊ะ) (เพิ่มหรือลดได้นิดหน่อยขึ้นอยู่กับน้ำส้มสายชูที่ใช้)
- น้ำสะอาด ⅓ ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- แตงกวาเลือกเอาลูกเล็ๆผ่าครึ่ง สไลด์บาง 100 กรัม
- ผักชีเด็ดเป็นใบ สำหรับโรยหน้าเล็กน้อย
- พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ 1 เม็ด
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ 1 เม็ด
- หอมแดงลอกเปลือก ซอยบางๆ 2 หัว

วิธีทำอาจาด
  1. ใส่น้ำ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชูลงในหม้อ แล้วตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาลและเกลือละลาย
  2. จากนั้นชิมให้ได้สามรส เปรี้ยว เค็ม หวาน หรือเปรี้ยว หวาน เค็ม แล้วแต่ชอบ
  3. จากนั้นพักไว้ให้เย็นก่อน เวลาจะเสิร์ฟถึงค่อยใส่แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้า และผักชี ลงในถ้วย…แล้วตักน้ำที่เคี่ยวไว้ลงไปผสม แล้วน้ำอาจาดเสิร์ฟพร้อมกับสะเต๊ะ และน้ำจิ้มสะเต๊ะ

วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หมูน้ำแดง สูตรโบราณ


เครื่องปรุง (สำหรับ 4 ที่)
เนื้อสันคอหมูหั่นเต๋า 1 1/2 * 1 1/2 นิ้ว 800 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วยตวง
เนยเค็ม 1/4 ถ้วยตวง
ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง
พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชย ขนาด 1 นิ้ว 1 ชิ้น
ใบกระวาน 2 ใบ
น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
รสดี รสหมู 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศท้อ ผ่า 4 ชิ้นต่อ 1 ลูก 2 ลูก
เม็ดถั่วลันเตาต้มสุก 1/2 ถ้วยตวง
แครอทหั่นเต๋า 1*1 นิ้ว 1/2 ถ้วยตวง
มันฝรั่งหั่นเต๋า 1*1 นิ้ว 1/2 ถ้วยตวง
หอมใหญ่หั่นเต๋า 1*1 นิ้ว 1 ถ้วยตวง
พริกหวานสีเหลือง แดง หั่นเต๋า 1*1 นิ้ว อย่างละ 1/2 ถ้วยตวง
รสดีเมนู ผัดน้ำมันหอย 60 กรัม
น้ำสะอาด 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.นำเนื้อสันคอหมูคลุกแป้งสาลีให้ติดทั่ว กระทะใส่เนยเค็มแล้วเปิดไฟ พอกระทะร้อนเนยละลาย นำหมูลงจี่ให้ด้านนอกเหลือง แต่ด้านในยังไม่สุก ใส่ซอสมะเขือเทศลงผัดให้เข้ากัน ยกลงพักไว้
2.ใส่พริกไทย อบเชย และใบกระวาน ลงในหม้อ เติมน้ำสะอาดและรสดี รสหมู ต้มจนน้ำเดือดส่งกลิ่นหอม ใส่หมูที่เตรียมไว้ มะเขือเทศท้อ เม็ดถั่วลันเตา แครอท มันฝรั่ง หอมใหญ่ และพริกหวาน ลงต้มรวมกันด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน จนทุกอย่างสุกนุ่ม ชิมรสเค็มนำ หวานผัก
3.ผสมรสดี เมนู ผัดน้ำมันหอยกับน้ำสะอาดให้เข้ากัน แล้วจึงเทใส่ลงในหม้อสตู คนจนมีลักษณะข้นเหนียวน้อยๆ ปิดไฟ
4.การจัดเสิร์ฟ ตักสตูหมูน้ำแดงใส่ชาม ทานกับขนมปังหรือข้าวสวยตามชอบ

หมูคั่วเกลือ สูตรโบราณ



ส่วนประกอบที่เอมี่ทำตามนี้่เรย
หมูสามชั้น 300 กรัม
กระเทียม 4-6 กลีบ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 1 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เราหั่นหมูชิ้นพอดีคำ หั่นยาก เลยเอากรรไกรช่วยตัด 555 (ปล. อย่าเลือกหมูที่ติดหนังนะ หั่นยากเว่อร์อ่ะ)
2. เอาหมูทอดในกะทะเลย ไม่ต้องใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมลงไปผัดพอหอม เริ่มใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ ผัดให้เข้ากัน
3. ผัดไปจนเริ่มแห้ง ถ้ามีน้ำมันเยอะให้เทออกไปบ้าง พอเริ่มขลุกขลิก ใส่น้ำลงไปหน่อย แล้วผัดต่อจนเริ่มแห้ง
4. โรยเกลือลงไปช่วงที่น้ำเริ่มแห้งนี่หละ ไม่ต้องยเอะมากนะคะ เพราะซีอิ๊วขาวช่วยเพิ่มรสเค็ใไปพอสมควร
5. เอาออกมาวางผึ่งไว้ บางคนทอดทั้งเส้นยาวแล้วค่อยมาหั่นก็ได้เหมือนกัน จะทานก็ค่อยหั่นทีละนิดๆๆ


 

คอหมูย่าง สูตร 1

คอหมูย่าง

 
คอหมู ย่างให้ฉ่ำๆ กับน้ำจิ้มรสเด็ด น้ำลายไหล~~ T^T จานนี้เพิ่งจะทำสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้เองครับ ว่าจะหาเมนูลดน้ำหนักพวกส้มตำมากินสักหน่อยแต่ดันอยากกินจานเคียงคอหมูย่างนี้ด้วย (เศร้าเลยไม่ผอมแต่จะอ้วนขึ้นด้วย) คอหมูหรืิอเนื้อสันคอ นี่ไม่ใช่อาหารธรรมดาๆ นะครับ... เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ต้องมีการจับจองล่วงหน้าโดยตรงกับเขียงหมู (ผู้ทรงอิทธิพลในวงการหมู^@^) เพราะส่วนใหญ่พวกร้านอาหารเค้าจะมาจอง เนื้อสันคอ เอาไปทำคอหมูย่างกันล่วงหน้า และซื้อกันเป็นเจ้าประจำอยู่แล้ว คอหมูอย่างจะอร่อยสมบูรณ์แบบ ก็จะต้องไปด้วยกันกับน้ำจิ้มรสแซ่บกับสูตรการหมักคอหมูย่างอย่างพิถีพิถันเหมือนพระเอกกับนางเองนั่นเอง
รูปภาพ
 
สูตรหมักคอหมูย่าง

1. เนื้อสันคอ ชิ้นกลางๆ 1 ชิ้น
2. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
3. ซอสหอย (น้ำมันหอย) 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
5. พริกไทย 1 ช้อนชา
6. เกลือป่น ½ ช้อนชา
7. นมข้นจืด หรือ นมสด 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำจิ้มคอหมูย่าง

1. พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำมะขามเปียก ½ ช้อนโต๊ะ
3. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ
5. ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมผักชี ตามชอบ
ขั้นตอนการปรุง:
วิธีหมักคอหมูย่าง

1. เนื้อสันคอนำมาแล่เป็นชิ้นบางๆ นำมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ขยำให้เข้ากันประมาณ 15 นาที หมักทิ้งไว้อีก 1 ช. ม.

2. มาถึงขั้นตอนการย่าง เอาคอหมูย่างมาวางบนตะแกรงย่างด้วยไฟอ่อน ถ้าใช้เตาถ่านจะหอมมากครับ ย่างจนสุกดีแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง จัดใส่จายไว้

การทำน้ำจิ้มคอหมูย่าง

1. นำส่วนผสมน้ำจิ้มต่างๆผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
2. ใส่ผักชีต้นหอมลงไป พร้อมเสิร์ฟกับคอหมูย่าง

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หมูมะนาว สูตร 1

สูตรอาหารไทย : หมูมะนาว

เครื่องปรุง + ส่วนผสม
หมูมะนาว
* เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 300 กรัม
* กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
* พริกขี้หนูซอย 5 - 10 เม็ด (ปรับได้ตามความชอบ)
* ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
* ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 3-5 ช้อนโต๊ะ
* คะน้า 1 ต้น (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
* ผักชี (สำหรับแต่งอาหาร)
มะนาว
หมูมะนาว
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. เตรียมทำน้ำราด โดยผสมกระเทียม, พริก, ซิอิ๊วขาว, น้ำปลา, น้ำตาล และน้ำมะนาว คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี ปรับรสชาติได้ตามที่ต้องการ
2. นำผักคะน้าไปลวกในน้ำเดือด จนสุกแล้วจึงสะเด็ดน้ำและจัดใส่จานเสริฟไว้
3. หลังจากลวกคะน้าแล้ว ก็นำหมูไปลวกต่อจนสุกทั่ว เสร็จแล้วนำออกมาสะเด็ดน้ำ
4. จัดหมูที่ลวกแล้วใส่จานเสริฟที่จัดผักคะน้าไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเทน้ำราดลงบนหมู แต่งหน้าด้วยผักชี จากนั้นจึงเสริฟเป็นของทานเล่นหรือกับแกล้มก็ดี

หมูแดงอบน้ำผึ้ง

วิธีทำ หมูแดงอบน้ำผึ้ง รสเด็ด
วิธีทำ หมูแดงอบน้ำผึ้ง รสเด็ด


วันนี้ขอนำเสนอเมนูอาหารจีนที่ทุกท่านน่าจะชอบรับประทานกันนะครับ ซึ่งก็คือเมนู หมูแดงอบน้ำผึ้ง เหมาะมากที่จะทำเมนูนี้ในโอกาสเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือจะทำให้ครอบครัวรับประทานยิ่งช่วงนี้มีวันหยุดบ่อยเมนูหมูอบน้ำผึ้งน่าจะเหมาะมากนะครับ เอาล่ะมาดูส่วนผสมเครื่องปรุงและวิธีทำเมนูหมูอบน้ำผึ้งกันเลยดีกว่า


เครื่องปรุง หมูแดงอบน้ำผึ้ง รสเด็ด


หมูส่วนสะโพก 1 กิโลกรัม

ซอสแม็กกี้้ 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนชา

พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย

วิธีทำ หมูแดงอบน้ำผึ้ง


1. ล้างหมูซับให้แห้ง ผสมซอสแม็กกี้ เกลือ พริกไทยป่น และซอสมะเขือเทศเข้าด้วยกันใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูโดยรอบ ทาด้วยน้ำผึ้งหมักไว้ 1 ชั่วโมง แล้วจึงทาส่วนผสมที่ผสมให้ทั่วถาดหุ้มฟอยด์ อบไฟ350ฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที ให้หมูสุกนุ่ม เปิดกระดาษออกทาน้ำผึ้งอีก 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ส้อมจิ้มอบไฟ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ให้สุกเหลือง แล้วจึงหั่นเป็นชิ้นหนา 1 เซ็นติเมตร วางเรียงลงจานเสริ์ฟ ราดด้วยน้ำเนื้อ แต่งด้วยผักสุก

เครื่องปรุง น้ำเนื้อที่ใช้ราดหมูแดงอบน้ำผึ้ง


แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ

หอมใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำเนื้อที่อยู่ในถาด 1/2 ถ้วย

น้ำซุป 1/2 ถ้วย

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

พริกไทย 1/4 ช้อนชา

เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ น้ำเนื้อที่ใช้ราดหมูแดงอบน้ำผึ้ง


ผัดหอมใหญ่กับน้ำมันให้หอม ละลายแป้งกับน้ำซุปใส่ลงในกระทะ ใส่น้ำเนื้อ ใส่เกลือ พริกไทย ใส่น้ำผึ้ง ตั้งไฟต่อพอเหนียวยกลงราดบนหมูแดงที่เตรียมไว้ พร้อมรับประทาน

 

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูฮ๋อง สูตร 1


เมนูอาหารที่ทำมาจาก"หมูสามชั้น" บางท่านอาจะไม่ค่อยโปรดปรานนัก แต่มีอาหารที่ปรุงมาจากหมูส่วนของ สามชั้น ที่เป็นที่นิยมของชาวบ้านท้องถิ่น ในแถบพังงาและภูเก็ต เรียกกันว่า "หมูฮ้อง"
คือการนำ"หมูสามชั้นู มาหมักและเคี่ยวกับซีอิ๊วดำ น้ำตาล สมุนไพรจีน จนได้อาหารที่มีกลิ่นหอม รสกลมกล่อม ที่รับประทานแนมได้ทั้งกับข้าวสวยและข้าวต้ม
ใช้เนื้อหมู ส่วนของ"สามชั้น" มาชิ้นนึงก็พอ นำของแหลมๆ มาทิ่มๆๆ ให้เป็นรูทั่วทั้งชิ้นหมู เพื่อเวลาหมัก น้ำปรุงรสจะได้ซึมแทรกไปในชิ้นหมูอย่างทั่วถึง


เตรียมโป๊ยกั๊ก,กระเทียมไทยหัวเล็ก,พริกไทยเม็ดดำ



หั่นหมูสามชั้น เป็นชิ้นๆ หนาประมาณหนึ่งนิ้ว กำลังเหมาะสมกับการกิน นำลงถ้วยผสม เอาน้ำตาลทรายลง จะใช้น้ำตาลทรายแดงก็ได้




นำโป๊ยกั๊ก กระเทียม พริกไทย ลงคลุก พร้อมทั้งใช้ซีอิ๊วดำ หรือแบบซีอิ๊วดำหวาน ก็ได้ เหยาะลงพอสมควร ทำการคลุกเคล้า หมักนวดไว้สักพัก สิบนาทีก็ได้ (ยิ่งหมักนานข้ามวัน ก็ยิ่งดี)


นำลงกระทะ หรือหม้อก็ได้ เติมน้ำสะอาดอีกหน่อย ให้ท่วม ใช้ไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อยๆ


จนงวด เบาไฟจนงวดแห้ง หอมซะ!


เสร็จแล้วครับ สีสัน หน้าตา"หมูฮ้อง" เป็นเช่นนี้ บางท่านอาจจะเคยชิมลิ้มลอง กันแถบจ.พังงา ภูเก็ต แต่จะลองทำกินเองแบบนี้อ่ะ ก็ไม่ยากครับ เน้นรสหวานนำ หอมโปยกั๊กและซีอิ๊ว ซึ่งควรใช้ซีอิ๊วจากโรงงานท้องถิ่น จะหอมมากกว่าซ๊อสฯครับ

 

หมูหวาน สูตร 1


วิธีทําหมูหวาน : อาหารง่ายที่ทานเป็นเครื่องเคียงกับข้าวคลุกกะปิ หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียวได้ตามชอบ รสชาติจะไม่หวานจนแสบไส้และไม่เค็มจนสุดโต่ง ที่สำคัญคือรับประทานง่ายไม่หกเลอะเทอะ ระหว่างการเดินทาง หมูหวาน มีวิธีการทำที่ไม่ยากค่ะ มาเริ่มวิธีทำหมูหวานกันเลยค่ะ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1. หมูสามชั้น 200 กรัม
2. น้ำเปล่า 100 มล.
3. หอมแดงปอกเปลือก 6 หัว
4. น้ำมันถั่วเหลืองประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลปี๊ป 100 กรัม (หรือปริมาณตามรสชาตที่ถูกปาก)
6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนและวิธีทําหมูหวาน1. ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเนื้อหมูสามชั้น หนา 1 ซม. ยาว 1 นิ้ว (โดยประมาณ) หรือขนาดพอดีคำ
2. ซอยหอมแดงเป็นแว่นๆเตรียมไว้
3. นำหอมแดงลงผัดกับน้ำมันให้หอม จากนั้นเติมเนื้อหมูลงผัดให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง และเติมน้ำเปล่าลงไป ผัดให้เข้ากัน ปิดฝาไว้ 10 นาที
5. เมื่อน้ำเริ่มแห้งค่อยเติมน้ำตาลปี๊ปลงไป ผัดจนน้ำตาลปี๊ปละลายจนหมด พร้อมเสิร์ฟ
** หมายเหตุ
เหตุที่รอใส่น้ำตาลในขั้นตอนที่หมูนุ่มแล้วก็เพราะว่าถ้าใส่น้ำตาลก่อน น้ำตาลจะไปรัดเนื้อหมูทำให้หมูแข็ง แล้วหมูหวานเนื้อจะไม่นุ่มยังไงละคะ

ขอขอขคุณ
http://www.mythaimenu.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99/

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูกรอบ สูตร 1

หมูกรอบ จัดเป็นอาหารที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และ ใช้เวลาในการทำ

ทำหลายครั้งแล้ว ผลก็ออกมาดีบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง

แต่ก็ยังชอบทำอยู่ พยายามค้นหาสูตรต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพราะ ชอบทานหมูกรอบมาก

ตอนหลังไปทานตามร้านอาหารหมูกรอบก็มีราคาสูงขึ้นมาก

เลยพยายามหาสูตรทำหมูกรอบแบบง่ายๆ เร็ว เพราะต้องการทำช่วงเช้าเพื่อทานมื้อเที่ยง

หมูกรอบมีกรรมวิธีการทำอยู่หลายแบบ

- แบบย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นหมูกรอบของร้านเป็ดย่าง
- ย่าง ทอด นำหมูไปย่างก่อน แล้วค่อยไปทอดให้หนังพองกรอบ
- ต้ม ย่าง ทอด นำหมูไปต้มให้หนังนิ่มก่อน นำไปย่างให้หมูสุก แล้ว ค่อยไปทอดให้หนังพองกรอบ
- ต้ม ทอด ต้มหมูให้สุก นิ่ม แล้วไปผึ่งให้หนังหมูแห้ง นำไปทอด เป็นหมูกรอบของร้าน ก๋วยจั๊บ และ หมูกรอบเป็นชิ้นๆ ที่ไว้ปรุงอาหาร พวก ผัดผักใส่หมูกรอบ เป็นต้น

หมูกรอบที่อร่อยต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้
1. สำคัญที่สุด คือ หนังหมูต้องพอง กรอบ และ คงความกรอบไว้ได้ด้วย ไม่ใช่พอทำหมูกรอบสุกแล้ว หนังหมูจะกรอบอยู่เดี๋ยวเดียว
2. เนื้อหมู โดยเฉพาะเนื้อแดง ต้องนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง หมูกรอบเป็นชิ้นๆ ตามร้านข้าวต้ม ร้านอาหารตามสั่งทั้งหลาย ที่นำไปใส่ผัดผัก
เช่น คะน้าหมูกรอบ หมูกรอบกลุ่มนี้ เนื้อแดงจะแข็งมาก เกิดจากการทอดหมูที่ใช้เวลานานเกินไป

เมื่อต้องการให้หมูกรอบหนังกรอบ ดังนั้น ต้องทำให้หนังหมูสุก แห้ง ถึงนำไปย่าง/ทอด ให้หนังหมูพองกรอบ
กระบวนการทำให้หนังหมูแห้ง อาจจะใช้เวลานาน โดยการนำไปผึ่งให้แห้ง อาจจะผึ่งไว้ในตู้เย็น 1 คืน เพราะในตู้เย็นความชื้นต่ำ

เลยลองหาวิธีทำหมูกรอบให้ได้ในเวลาสั้น ประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะว่า อยากจะทำตอน 9 โมงเช้า เสร็จตอนเที่ยง จะได้ทานเป็นอาหารเที่ยงในวันอาทิตย์ วันพักผ่อน

1. หาหมูสามชั้นชิ้นที่หนังหนา
2. ตัดเป็นชิ้นกว้างประมาณ 3 นิ้ว (7 - 8 ซ.ม.) เพื่อที่ว่า จะได้ใช้คีมคีบเวลาทอดหนังหมูให้พอง
3. นำหมูสามชั้นไปต้มในน้ำเดือด แล้วหรี่เป็นไฟอ่อน ประมาณ 15 - 20 นาที เพื่อให้หนังหมูสุก นิ่ม ทำให้ใช้ส้อมหรือเหล็กแทงหนังหมูได้สะดวก
การแทงหนังหมูก็จะให้ตอนทอด หนังหมูจะพองสวยงาม กรอบ
4. เอาเกลือ (และน้ำส้มสายชู) ทำที่หนังหมูเพื่อไล่ความชื้นและทำให้หนังหมูตึง
5. เอาเกลือ หรือเครื่องเทศอื่นๆ ทาที่เนื้อหมู
6. นำไปอบในเตาอบอุณหภูมิ 100 องศา C เอาด้านหนังหมูขึ้น เพื่อให้หนังหมูแห้ง
7. เร่งไฟในเตาอบเป็น 220 องศา C อบให้หนังหมูสุก 30 นาที
8. หรี่ไฟเป็น 180 องศา C อบต่ออีก 30 นาที ตอนนี้ เนื้อหมูจะสุก นิ่ม เนื้อแดงก็นิ่ม ไม่แข็งกระด้าง
9. เอาคีมจับหมูที่อบแล้ว นำไปทอดเฉพาะ หนังเท่านั้น หนังจะพอง กรอบ ใช้น้ำมันทอดนิดเดียว พอให้ท่วมหนังหมูเท่านั้น

จะได้หมูกรอบ หนังกรอบ เนื้อนิ่ม ในเวลาสั้นๆ


หมูสามชั้น 9 ขีด แบ่งเป็น 3 ชิ้น


นำไปต้มในน้ำเดือด แล้วหรี่ไฟ 20 นาที เพื่อให้หนังหมูนิ่ม


หมูที่ต้มแล้ว


เอาเหล็กทิ่มหนังหมู หรือ ใช้ซ่อม ทิ่มหนังให้ทั่ว เพื่อที่เวลาทอด หนังหมูจะพอง กรอบ


เอาเกลือทาที่หนังหมูและเนื้อหมูให้ทั่ว หรือ จะใช้เครื่องเทศอื่นทาที่เนื้อหมู สำหรับหนังหมูอาจจะใช้น้ำส้มสายชูทาที่หนังหมูด้วย จุดประสงค๋เพื่อให้หนังหมูแห้ง

หมูที่ทาเหลือแล้ว ต้องทำให้ผิวแห้ง (อาจจะนำไปใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน ใช้พัดลมเป่า หรือใช้เตาอบ)


นำหมูที่ทาเกลือแล้วไป อบที่อุณหภูมิ 100 C


อบไปประมาณ 30 นาที หนังหมูจะแห้ง


นำไปอบต่อที่อุณหภูมิ 220 C 30 นาที แล้วหรี่อุณหภูมิเป็น 180 C อีก 30 นาที

เนื้อหมูสุก นิ่ม หนังหมูสุก แห้ง พร้อมที่จะไปทอดให้หนังพอง กรอบ (ถ้าหนังไม่แห้งทอดจะไม่พอง)


ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน ปริมาณน้ำมันไม่ต้องเยอะ กะให้ท่วมหนังเท่านั้น
ถ้าหมูชิ้นใหญ่ต้องใช้น้ำมันเยอะ
ทอดใช้ไฟแรง ตอนแรกใช้คีมคีบหมูกะให้น้ำมันท่วมหนังเท่านั้น ประมาณ 1 - 2 นาที หนังจะพอง ฟู กรอบ


หมูกรอบ หนังหมูพอง ฟู กรอบ












ขอขอบคุณhttp://pantip.com/topic/30403918

หมูทอดกระเทียม ไสตล์ thaifoodalacarte

ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่ดาว
หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
ส่วนผสมที่ใช้ทำ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
- เนื้อหมูสันนอก หรือเนื้อหมูติดมัน 500 กรัม
- กระเทียมปอกเปลือก 1 หัว
- พริกไทยเม็ด 20 เม็ด
- รากผักชี 3ราก
- ซีอิ๊วขาว1ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช
- ผักชี
- แตงกวา
- ข้าวสวย 1 จาน
ขั้นตอนและวิธีทำการทำ หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราดข้าว
1. ล้างหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นไม่หนามาก ลักษณะยาวสักหน่อย
2. โขลกกระเทียมกับรากผักชี พริกไทยให้เข้ากันละเอียดเนื้อ
นำกระเทียมกับราผักชีและพริกไทยที่โคลกกันไว้เมื่อครู่นำมาเคล้ากับหมูที่เตรียมไว้ให้ทั่วเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ซีอิ๊วขาวลงไปเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 30 นาที
3. นำกระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน รอน้ำมันร้อนจนได้ทีและเตรียมหมูที่หมักไว้ ใส่ลงไปในกระทะ ดูจนเนื้อจนเหลืองสุก นำหมูขึ้นจากน้ำมัน รอให้สเด็ดน้ำมัน
4. พอแห้งแล้วจัดใส่จานข้าวสวยที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยผักชี และแตงกวา แก้เลี่ยน พร้อมเสิรฟจ๊ะ

ขอขอบคุณ http://www.thaifoodcookbook.net/thaifoodrecipes_th/thaifoodalacarte/thaifood_friedporkgarlicpepper.html

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หมูทอดกระเทียมพริกไทยสูตร บอล1

 
หมูทอดกระเทียมพริกไทยสูตรที่ทอดเมื่อไหร่หอมกระจายไปสิบบ้าน อิอิ
 
หมูทอดกระเทียมพริกไทย สูตรที่ไม่มีใครบอกเคล็ดลับขนาดนี้ ไม่อร่อยตามมาจัดการคนเขียนได้เลยค่ะ
(แล้วจะรู้ไหมเนี่ยตัวอยู่ไหน โม้เปล่าเนี่ย อร่อย ไม่อร่อย ไม่รู้ ต้องไปลองทำดูนะตัวเอง
)
งานนี้ผงเปื่อยผงนุ่มผงชูรสผงฟูทั้งหลายไม่ต้องหาได้จากของใกล้ตัวก็ใช้ได้แล้ว
1.เลือกใช้เนื้อหมูส่วนที่นิ่ม อาจเป็นสันคอ สันใน สะโพก หรือส่วนที่มีมันแทรกบ้างก็ได้ จริงๆหมูตรงไหนก็ได้มั๊ง สักครึ่งกิโล
2.หั่นหมูตามขวางกว้างไม่ถึงเซ็นติเมตร แล้วใช้ปังตอตบเนื้อหมูให้สลายตัวหน่อยหรือใช้ที่ทุบเนื้อทุบๆพอประมาณเพื่อให้เนื้อนุ่มขึ้น หั่นชิ้นกว้างก่อนก็ได้เวลาทอดแล้วค่อยหั่นชิ้นเล็ก
3.กระเทียมสักสองจุก แกะเปลือกแข็งทิ้งไป ตำกับรากผักชีหนึ่งมัด (ประมาณสิบบาทซื้อเจ้าที่เขามีตัดขายแต่รากจะได้ไม่เหลือทิ้งใบ) แล้วตักขึ้น
4.พริกไทยเม็ดหนึ่งถึงสองช้อนโต๊ะแล้วแต่ให้เผ็ด เอาแบบเม็ดไม่ขาวมากมาตำเอง พอละเอียดก็ตำรวมกับกระเทียมรากผักชี
5.น้ำตาลปี๊บ สองช้อนโต๊ะพูนๆ ละลายเข้ากับน้ำมันหอย 4 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยซี่อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซ้อสภูเขาฝาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชาแบนๆ
6.นมสดจืด 1 กล่อง หรือ 1 ถุงพาสเจอร์ไรท์ ก็ได้ มาผสมกับพวกน้ำในข้อ 5 ชิมดูให้ออกรสจนพอใจ
7.นำทุกส่วนผสมมาคลุกเคล้าหมูลงไป บีบๆเนื้้อหมูให้น่วมนิดนึง ใส่สีด้วยซี่อิ๊วหวานดำสักเล็กน้อยก็พอเพราะทอดแล้วจะดำขึ้นอีกนิด ถ้าหากลักษณะเนื้อหมูค่อนข้างเปื่อยอยู่แล้วก็ไม่ต้องผสมแป้งมัน แต่หากเป็นชิ้นเนื้อที่แข็งหน่อยไม่ติดมัน ก็ผสมแป้งมันสักสองช้อนโต๊ะพูนๆ หมักทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง ไม่ต้องเข้าช่องฟรีส
8.ข้อนี้แล้วแต่คนชอบ ถ้าชอบกลิ่นน้ำมันงา ก็ผสมลงไปสักครึ่งช้อนโต๊ะ ค่ะ
หัวใจของความอร่อย อยู่ข้อต่อไปนี้ การทอด ย้ำ การทอด
ถ้าใช้กระทะเทฟล่อนได้ก็ดีค่ะ ใส่น้ำมันลงไปกะว่าให้ท่วมชิ้นเนื้อหมูพอปริ่มๆ ถ้าไม่ท่วมจะมีอาการกระเด็นจากส่วนผสมนมเกิดขึ้น และอีกอย่างการให้น้ำมันท่วมเนื้อหมูเพื่อความระอุเข้าเนื้อและมีส่วนอย่างมากต่อผลของความนุ่ม การใช้ไฟให้ใช้ไฟเบาที่สุดเรียกว่าเกือบดับแต่ให้เปลวนิ่งคงที่ ถ้าอยู่ในที่มีลมก็หาอะไรบังเตาสักหน่อย และใส่เนื้อหมูตอนน้ำมันเริ่มอุ่นๆหรือก่อนที่น้ำมันจะร้อนจนนิ้วแตะไม่ได้ แต่ถ้าเป็นการทอดรอบสองก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตักเศษเครื่องที่ติดกระทะออกบ้างเท่านั้น ค่อยๆใจเย็นๆทอดทิ้งไว้จนข้างหนึ่งสุกมีสีสวย ก็กลับอีกข้าง เสียงน้ำมันที่ออกมาจะค่อนข้างเงียบเหมือนค่อยๆต้ม ถ้าลงแต่แรกแล้วออกดัง ฉ่า แสดงว่าหมูอาจกระด้างเล็กน้อยแล้ว และจะเกิดสะเก็ดไหม้เร็วขึ้นทำให้หมูไม่สวย พอสุกตักหมูสะเด็ดน้ำมันออกด้วยกระชอน ทิชชู่วางใต้กระชอน อย่าวางหมูบนทิชชู่เด็ดขาด แล้วนำมาหั่นชิ้นพอคำ ควรทานกับผักลวกด้วยเป็นผักเคียง จะได้มีไฟเบอร์คลุกเคล้า ไม่ลำบากตอนขับถ่าย เพราะอร่อยอย่างนี้ ท่าทางจะต้องทานเยอะแน่ จึงควรมีผักเคียง แล้วถ้ามีพริกขี้หนูน้ำปลามะนาว สักถ้วย เสริฟกับข้าวสวยร้อนๆ นะ อืมมม เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม หมูนุ่มๆ ฉ่ำๆด้วยเครื่องพริกไทย
ทั้งหมดนี้ จริงๆแล้วผู้เขียนเวลาทำจะไม่ได้ตวงเป็นช้อนๆเท่าไหร่หรอกค่ะแต่จะกะด้วยสายตา น้ำหนักมือ แต่ก็ประมาณด้วยสัดส่วนนั้น หากบางคนอาจว่ามันหวานไป เค็มไป จืดไป ก็ไปลดเพิ่มสัดส่วนต่างๆได้ เพราะนั่นเป็นความชอบแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญอยากให้ออกมานุ่มๆลิ้น ไม่กระด้างเหมือนกินกระดาษแข็ง ผู้เขียนใช้นมและแป้งมันเป็นตัวหมักที่ช่วยทำให้เกิดความนุ่มหอมมันและช่วยให้หน้าตาหมูออกมาดูฉ่ำๆด้วย และการทุบเนื้อหมูให้น่วมๆก็จะทำให้นุ่มขึ้นด้วย แต่ถ้าหมักด้วยนม การที่จะนำหมูเดินทางไปไหนหรือไม่ได้อยู่ในตู้เย็นเป็นชั่วโมงๆ อากาศร้อนแบบนี้ควรแช่ลังน้ำแข็งไว้ระหว่างเดินทางจะดีกว่าไม่งั้นอาจบูดได้ หรือถ้าทอดไม่หมด ที่เหลือถ้าคิดว่าจะทานต่อในวันถัดมาก็แช่ช่องธรรมดาได้ แต่ถ้าคิดว่าจะยังไม่ทานในวันต่อไปควรแช่ช่องฟรีสเลยไม่ใช่ช่องธรรมดา
 

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หมูสามชั้นทอด


หมูทอดมีขายทั่วไป ราคาอยู่ระหว่าง กก. ละ 200 - 300 บาท แล้วแต่ว่าร้านหรือแผงที่ขายอยู่ที่ใหน ถ้าอยู่ย่านหรูก็ราคาแพงตามสถานที่

หมูชุบแป้งทอดเป็นอาหารที่ทำง่ายๆ ทำทานเองที่บ้าน เราจะได้ทานหมูทอดร้อนๆ ราคาถูก คูณภาพสูง ที่สำคัญคือ สะอาด ถูกอนามัย น้ำมันทอดหมูก็ไม่ใช่น้ำมันเก่า

หมูสามชั้นชุบแป้งทอด ทำโดยเอาหมูสามชั้น หมักกระเทียมพริกไทย ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาวและเหล้าจีน นำไปชุบแป้งทอด

เครื่องปรุง
- หมูสามชั้น หั่นหนา 1 ซ.ม. 1 กก.
- กระเทียม 2 หัว
- พริกไทย
- ซีอิ้วขาว
- เหล้าจีน
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
- ผงฟู 1 ช.ช.

หมูสามชั้น หั่นหนาเพียง 1 ซ.ม.



ตำกระเทียมพริกไทย นำไปหมักกับหมู พร้อมทั้งใส่ซีอิ้วขาวและเหล้าจีน
หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น อย่างน้อยประมาณ 2 - 3 ช.ม.



ก่อนจะทอด ให้ผสมแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า ผงฟู ค่อยๆ เติมน้ำ ตีแป้งให้เข้ากัน แป้งจะต้องข้นแบบที่จับเนื้อหมูได้

สูตรแป้งจะผสมแป้งข้าวเจ้าประมาณ 20% เพราะแป้งข้าวเจ้าจะไปเพิ่มความกรอบให้ แป้งสาลีทอดออกมาแล้วจะนิ่ม ไม่กรอบ



เอาหมูที่หมักลงไปคลุกกับแป้ง



นำไปทอดในกระทะ ความร้อน ปานกลาง ระวังถ้าไฟร้อนเกินไป หมูจะไม่สุก



หมูทอด หั่นหมูยาวประมาณ 10 ซ.ม. เพราะเวลาทอดใช้น้ำมันไม่มาก ถ้าหั่นหมูชิ้นยาว ตอนทอดต้องใช้น้ำมันมาก



หมูสามชั้นชุบแป้งทอด ทานกับข้าวเหนียวจิ้มแจ่ว ใส่ก๋วยเตี๋ยว อร่อยทั้งนั้น